sales trends 2024 with Venio logo

Sales trends 2024 ก็กำลังเป็น topic ที่มาแรงเหมือนกับทุก ๆ ปี อย่างปีก่อนเอง AI ก็มามีบทบาทกับการขายค่อนข้างเยอะมาก ๆ  ปีนี้เพื่อน ๆ นักขายคงกำลังสงสัยกันอยู่ว่าอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ อะไรที่เป็นความท้าทายที่นักขายอย่างเรา ๆ ต้องเจอ แน่นอนทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เราวางแผนการขายในปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักขายอย่างเราทันเกมและก้าวเหนือคู่แข่ง Venio เราก็ได้รวบรวม Sales trend 2024 มาให้เช่นเดียวกับทุกปี จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยดีกว่า

Sales trends 2024 ที่คุณควรจับตามอง

1.Personalization + CRM คีย์สำคัญในการปิดการขาย 

2.การเข้าพบลูกค้ากำลังกลับมา

3.โปรเซสการขายต้องการ touchpoint ที่มากขึ้น

4.Data driven จะทำให้ชนะในการแข่งขัน

5.ต้องประสานงานกับ Marketing มากกว่าเดิม

1.Personalization + CRM คีย์สำคัญในการปิดการขาย

ก่อน ๆ นักขายมักจะมีสูตรสำเร็จของตนเองในการปิดการขายลูกค้า และก็มักจะใช้สูตรนั้นกับทุก ๆ ราย แต่ตอนนี้สูตรสำเร็จจะได้ผลน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะลูกค้าเองนั้นจะใส่ใจในเรื่องของ personalization มากขึ้น ฟังดูอาจจะไม่มีอะไรใหม่แต่จริง ๆ แล้วเรื่องของ personalization นั้นมักทำได้ยาก เพราะนักขายมักจะมีเวลาจำกัด และในบางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าเวลาที่เราลงไปกับลูกค้าคนหนึ่ง ๆ นั้นจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่กลับมาคุ้มค่าหรือไม่ แนวโน้มของเซลล์ในปีนี้การทำ personalization จึงต้องควบคู่ไปกับการใช้ข้อมูลใน CRM ไปพร้อม ๆ กัน

ในขณะเดียวกันแม้ลูกค้าจะอยากได้เรื่องของ personalization แต่ไม่ได้หมายความว่าการคุยเรื่อยเปื่อย หรือการพยายามให้ข้อมูลจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะในมุมมองของลูกค้าเองนั้นเวลาที่มีคุณภาพก็สำคัญด้วยเช่นเดียวกัน หากคุณไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน personalization จะไม่เกิดอย่างแน่นอน เพราะลูกค้าก็จะไม่อยากเสียเวลาไปกับคุณ

2.การเข้าพบลูกค้ากำลังกลับมา

เทรนด์การขายในปีก่อนหน้านั้นมักจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เอามาช่วยในการทำนัดลูกค้า และลูกค้าก็คุ้นชินกับการพบปะแบบออนไลน์ นักขายเองก็มีการนำเอา tools ต่าง ๆ มาช่วยในการขายมากมาย แต่ปีนี้นั้นการเข้าพบลูกค้ากำลังเป็นเทรนด์ที่จะกลับมา เพราะอย่างไรก็ตามด้วยธรรมชาติของคนนั้นยังล้วนต้องการเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อใจกัน ซึ่งการขายแบบออนไลน์ไม่ได้ตอบโจทย์นั้นทั้งหมด ยิ่งโดยเฉพาะหากสินค้าและบริการมีมูลค่าที่สูง นักขายเองก็ต้องทำมากกว่าแค่การขาย แต่ต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าได้ว่าสินค้าและบริการจะช่วยอะไรได้ มากกว่าการขายแบบเก่า ๆ ที่เน้นในเรื่องการจำสคริปต์การขายให้แม่น การทำเช่นนี้จะช่วยตอกย้ำเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์กัน เฉกเช่นเดียวกับการเข้าพบลูกค้าแบบต่อหน้าที่เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยเกื้อกูลกันและกัน

3.โปรเซสการขายต้องการ touchpoint ที่มากขึ้น

ปกติแล้วเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับนักขายที่จะปิดการขายได้เลยในครั้งแรกที่ติดต่อกับลูกค้า โดยปกติแล้วนักขายทั่ว ๆ ไปมักจะติดต่อลูกค้าประมาณ 2 ครั้งก่อนที่จะเลิกติดตามต่อ แต่การติดตามเพียงแค่ 2 ครั้งนั้นไม่เพียงพอสำหรับการปิดการขายอย่างแน่นอน ด้วยความที่ลูกค้าปัจจุบันเองก็มองหาในเรื่องของการสร้างความเชื่อใจ และเทคโนโลยีเองก็มีเช่นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก็ทำให้ลูกค้าเองนั้นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ product ค่อนข้างมาก การจะตัดสินใจเลือกใช้บริการอะไรสักอย่างก็มีการเปรียบเทียบในหลาย ๆ มิติ ทำให้โปรเซสการขายต้องมี touchpoint มากขึ้น หลายครั้งอาจต้องมีการใช้หลายวิธีเช่น อีเมล social media โปรแกรมแชทต่าง ๆ เข้ามาผนวกช่วยกัน ซึ่งหากนักขายไม่เข้าใจจุดนี้และหวังว่าจะขายได้ผ่านทาง touchpoint เดิม ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ในปีนี้คงจะไม่ดีเท่าไรนัก

4.Data driven จะทำให้ชนะในการแข่งขัน

จริง ๆ เทรนด์ตัวนี้มีมานานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเทรนด์ตัวนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไปในปีนี้ด้วยเช่นกัน องค์กรที่ใช้ data ในการขับเคลื่อนทีมขายจะประสบความสำเร็จกว่าองค์กรที่ไม่ใช้อยู่มากเลยทีเดียว ปัญหาของการทำ data driven ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องของการไม่มี data แต่มักเป็นเรื่องของการมีข้อมูลมากเกินไปในจนนักขายไม่แน่ใจว่าควรใช้ข้อมูลไหนมาประกอบดี การเลือกข้อมูลมาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้ทีมขายตัดสินใจได้ดีขึ้น และค้นพบ insight บางอย่างที่ช่วยให้การปิดดีลทำได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามการสร้างทีมขายที่เน้นเรื่องของ data driven ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในต่างประเทศเองมีการทำเรื่องของ sales management มาเป็นเวลานานทำให้การขยับโดยใช้ data ทำได้รวดเร็ว แต่ในไทยนั้นการขายในบางที่ไม่ได้เน้นเรื่อง process สักเท่าไร หากเป็นเช่นนี้กระบวนการปรับเปลี่ยนมาใช้ data ก็จะยิ่งลำบากขึ้น เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเก็บและอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และเริ่มนำข้อมูลมาใช้ในทุกสเตจของการขาย ดูตัวเลขและ metrics ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และหากคุณทำเช่นนี้ได้อย่างเต็มรูปแบบการขายก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างแน่นอน

5.ต้องประสานงานกับ Marketing มากกว่าเดิม

ในช่วงปีก่อนหน้ามีหลายที่ทำการสำรวจและพบว่าความร่วมมือกันระหว่างทีมขายและทีมการตลาดไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร และก็ดูไม่ได้จะสลักสำคัญอะไรกับพวกเขามากนัก แต่ในปีนี้นักขายเริ่มตระหนักว่าการทำงานร่วมกันนั้นสำคัญมาก ๆ สาเหตุหลัก ๆ นั้นก็มาจากเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ data driven เรื่องของ process การขายต่าง ๆ ทำให้ทีมขายเองก็ต้องพึ่งพาข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นจากทีมการตลาด และในมุมกลับ feedback ที่ทางทีมขายให้กลับมาก็ทำให้ทีมการตลาดมีข้อมูลที่เอาไปทำแคมเปญต่าง ๆ ได้แม่นยำมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีขึ้นตาม ทำให้ปีนี้เทรนด์การขายนั้นนักขายก็เน้นเรื่องความร่วมมือมากขึ้นกว่าเดิม

ก็จบกันไปแล้วสำหรับ sales trends 2024 จะเห็นได้ว่ามีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในขณะที่บางเทรนด์ก็เสื่อมความนิยมลงไป สุดท้ายแล้วเทรนด์ที่เห็นไม่ได้บอกว่าองค์กรคุณต้องทำตามทุกเทรนด์ เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับบริบท และความพร้อมของทีมขาย แต่อย่างน้อยการรู้เทรนด์การขายของปีนี้ไว้ ก็จะช่วยให้คุณขยับและทำอะไรต่าง ๆ ได้รวดเร็วและมีทิศทางมากขึ้น Venio เองก็หวังว่าทุกท่านจะประสบความสำเร็จกับการขายและปิดดีลในปีนี้

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog www.veniocrm.com/blog 
Facebook www.facebook.com/veniocrm
Twitter:  www.twitter.com/veniocrm
Youtube
:  
www.youtube.com/veniocrm


Tags

sales trend 2024, sales trends


บทความที่คุณอาจสนใจ

>
Success message!
Warning message!
Error message!