มารู้จัก CRM ในรูปแบบ SaaS กันดีกว่า

ถ้าคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์ CRM มาใช้งานในบริษัท ไม่ว่าจะเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อจัดการทีมขาย หรือเพื่อรักษาผลกำไรในระยะยาว คงได้ยินได้เห็นคำว่า SaaS มาพอสมควร บางคนบอกว่ามันคือเครื่องมือที่บริษัทชั้นนำและสตาร์ทอัพเริ่มนำมาใช้ บางคนบอกว่ามันคือธุรกิจแบบใหม่ที่มาแรงและจะอยู่ต่อไปอีกยาวๆ วันนี้เราจะแนะนำให้คุณรู้จักซอฟต์แวร์ประเภท SaaS แต่ก่อนจะเข้าใจที่มาที่ไปของ SaaS ได้ อยากให้รู้จักซอฟต์แวร์แบบแรกก่อนครับ

On-premises Software

ยังจำได้ไหมครับ เมื่อก่อน หากคุณอยากใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจ คุณต้องใช้เงินค่อนข้างมากเพื่อซื้อ License เพื่อนำมาติดตั้งในคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ต้องเตรียมในส่วนฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และฮาร์ดดิสก์ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระบบ ค่าอัพเกรด ค่าจ้างบุคลากร IT ค่าสัญญา ค่าประกันความเสียหาย ฯลฯ

นี่ล่ะครับคือ On-premises Software มันคือซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ซึ่งองค์กรต้องลงทุนซื้อและติดตั้งเอง อาจจะมีข้อดีตรงที่องค์กรสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและยังมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายและความยุ่งยาก ต้องเตรียมการอยู่นานกว่าจะได้ใช้ซอฟต์แวร์สักหนึ่งตัว

เมื่อเวลาผ่านไป เข้าสู่ยุค Big Data มีข้อมูลเกิดขึ้นมหาศาลและเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซอฟต์แวร์แบบ On-premises ก็ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งทวีคูณ ดังนั้น เมื่อเทคโนโลยี Cloud Computing มาถึง ก็ทำให้เกิดซอฟต์แวร์ประเภทที่สองครับ

ขอแนะนำ SaaS

SaaS ย่อมาจาก Software as a Service คือรูปแบบการให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตที่คล้ายกับการ "เช่าใช้" นั่นคือ เพียงแค่ผู้ซื้อจ่ายค่าซอฟต์แวร์ตามความต้องการใช้งาน (Pay-as-you-go) เช่น ตามจำนวนผู้ใช้หรือระยะเวลาที่ต้องการใช้ ก็สามารถใช้งานซอฟต์แวร์นั้นได้ทันทีผ่านทางเว็บเบราเซอร์ ในแง่นี้ SaaS จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า On-demand Software

SaaS ทำงานภายใต้เทคโนโลยี Cloud Computing โดยจะเก็บข้อมูลเอาไว้บนคลาวด์ และเปิดสิทธิ์ให้ผู้ใช้งานจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงทรัพยากร เช่น ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือเซิร์ฟเวอร์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องรู้เลยว่าซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้อยู่นั้นติดตั้งอยู่ที่ไหน เซิร์ฟเวอร์มีหน้าตาอย่างไร หรือฐานข้อมูลถูกเก็บไว้ที่ไหน เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและใช้ Username/Password เพื่อเข้าสู่ระบบ ก็สามารถใช้งานได้ทันที จากทุกที่ ในทุกเวลาครับ ในแง่นี้ SaaS จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า Cloud-based หรือ On-cloud Software

SaaS ดีอย่างไร?

เกริ่นนำให้รู้จัก SaaS ไปบ้างแล้ว ได้เวลามาเจาะทีละประเด็นกันครับว่า SaaS จะช่วยให้ทีมงานและบริษัทของคุณชีวิตดีขึ้นได้ยังไงบ้าง

1. ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
   มีค่าใช้จ่ายต่ำ เพราะไม่ต้องลงทุนติดตั้งฮาร์แวร์และซอฟต์แวร์ ทั้งหมดนี้ผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
2. ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน
   จ่ายเท่าที่ใช้ (Pay-as-you-go) ให้เลือกจ่ายได้แบบรายเดือนหรือรายปี ช่วยให้ตั้งงบประมาณได้ง่ายขึ้น
3. การเข้าใช้งาน
   เพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เนต ก็ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านเว็บเบราเซอร์หรือแอปพลิเคชั่น โดยเข้าระบบด้วย Username/Password ตามสิทธิ์ผู้ใช้งาน
4. การจัดเก็บข้อมูล
   ข้อมูลจัดเก็บไว้บน Cloud ของผู้ให้บริการ เป็นศูนย์กลางที่ให้จัดเก็บข้อมูลง่ายขึ้น เวลาทำงาน ระบบก็มักจะบันทึกงานให้โดยอัตโนมัติ
5. ความยืดหยุ่น
   ใช้งานได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องระบบปฏิบัติการหรือประเภทอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Windows หรือ Mac หรือใช้งานผ่าน PC สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่สำคัญ ยังใช้งานพร้อมกันได้หลายอุปกรณ์
6. ความปลอดภัย
   มีเครื่องมือช่วยบริหารความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ พร้อมแจ้งเตือนหากพบสิ่งผิดปกติ โดยเครื่องมือนี้ จะใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้านความปลอดภัยและอัปเดตอยู่เสมอ
7. การอัปเดต
   ไม่ต้องคอยอัปเดตโปรแกรมด้วยตัวเอง เพราะระบบติดตั้งอยู่บน Cloud Server ของผู้ให้บริการ ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลให้ทั้งหมด ทำให้มั่นใจได้ว่าโปรแกรมที่ใช้จะเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ
8. การบำรุงรักษา
   ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาระบบ ไม่ต้องใช้บุคลากร IT จำนวนมากในการดูแล เพราะผู้ให้บริการจะคอยตรวจสอบและแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ

มาใช้ SaaS CRM กันเถอะ!

ได้เห็นข้อดีจำนวนมากของ SaaS กันไปแล้ว เชื่อว่าถ้าบริษัทคุณมองหาซอฟต์แวร์ CRM มาใช้งาน คงเลือก SaaS CRM เป็นอันดับต้นๆ ของการตัดสินใจแน่นอน อย่าง Venio เองก็เป็น SaaS CRM ที่พัฒนาโดยทีมคนไทย ผู้ใส่ใจอยากสร้างซอฟต์แวร์ระดับ World-class มาช่วยงานทีมขาย ให้ง่าย เป็นระบบ และเป็นมืออาชีพมากขึ้น ที่สำคัญ Venio ถูกพัฒนาขึ้นด้วย Insight และความเข้าใจธุรกิจ B2B อย่างลึกซึ้ง เข้าใจอุปสรรคและความต้องการของทีมขาย ดังนั้น นอกเหนือไปจาก 8 ข้อดีข้างต้นแล้ว Venio ยังใช้งานง่าย ตอบโจทย์ทีมขาย และใช้งานได้จริงด้วยครับ

แล้วบริษัทของคุณล่ะ ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะใช้อะไร? ถ้าสนใจอยากใช้ระบบ CRM ที่จะช่วยให้ทีมคุณบริหารจัดการงานขายได้ดียิ่งขึ้น ติดต่อ Venio มาสิครับ เรายินดีให้คำปรึกษา