เมื่อการทำธุรกิจต้องการการเติบโตอีกขึ้นหนึ่งการเลือก CRM ที่ดีก็จะมามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง (สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า CRM คืออะไร? ลองอ่านในบทความของเราได้) เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจคือ “ลูกค้า” การบริหารทีมขายที่ดีจะนำไปสู่ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ถ้าเราสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ โอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืนก็มีมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไรที่องค์กรทุกๆขนาดต่างก็มองหาโปรแกรม CRM เพื่อมาช่วยในหลายๆเรื่องเช่น

  • การวางแผนงานขายอย่างเป็นระบบ
  • การติดตามสถานะของลูกค้าที่เกิดขึน
  • เพิ่มโอกาสปิดดีล และรู้ดีลที่เกิดขึ้น
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ดูแลอย่างทั่วถึง

ฟังดูดีใช่ไหมครับ? อ่านเสร็จแล้วก็อยากจะรีบหา CRM มาใช้งานเลย แต่อันที่จริงการเลือก CRM มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ ความยากของมันไม่ใช่แค่จากระบบที่มีมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเลือกตัวไหนดี แต่ยังต้องพิจารณาไปถึงหลายๆเรื่องเช่น ราคา ฟังก์ชั่นการใช้งาน ปรับเปลี่ยนได้ไหม จะเข้ามาช่วยธุรกิจเราได้จริงรึเปล่า บริหารทีมขายได้ตอบโจทย์ไหม อะไรเป็นต้น พออ่านถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเลยใช่ไหมครับว่าเอ๊ะ มันก็ไม่ง่ายแบบที่คิดเลย แล้วจะเลือกอย่างไรดีล่ะ Venio เราก็เลยช่วยแนะนำถึง 7 ข้อที่จะช่วยให้คุณได้เลือกระบบ CRM ที่ใช่สำหรับองค์กรคุณ

1.Cloud vs On-premise

ทั้งสองโซลูชั่นต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน สำหรับ Cloud CRM โซลูชั่นก็จะไม่ต้องมีการลงทุนด้านเซิฟเวอร์ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนและดูแลรักษา นอกจากนั้นยังไม่ต้องมีทีม IT  สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ล็อคอินใช้งานบนระบบผ่านทาง app หรือ web ที่ทางผู้พัฒนาให้มา ข้อเสียสำหรับ cloud ก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องออนไลน์ในการเข้าถึงข้อมูลทุกอย่าง

สำหรับ On-premise นั้น แน่นอนว่าตัว CRM จะเป็นของคุณเลย แต่คุณก็ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรม รวมไปถึงระยะเวลาพัฒนาที่ยาวนาน และยังต้องวางเซิฟเวอร์ รวมไปถึงจ้าง IT ในการดูแล แต่คุณก็ไม่ต้องเสียเงินในการจ่ายรายเดือน และสามารถ access เข้าเซิฟเวอร์ได้โดยตรง

ถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน Venio เราคงต้องตอบว่าเป็นรูปแบบ cloud ครับเพราะถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายรายเดือน แต่ทุกอย่างก็ครบจบหมดไม่ต้องเสียค่าเซิฟเวอร์ ไม่ต้องมีไอทีคอยดูแลครับ และตอนนี้เรื่องอินเตอร์เน็ตก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้วครับ

2. รู้ว่าตัวเองต้องการฟีเจอร์อะไร

เพราะความต้องการในแต่ละธุรกิจนั้นไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการทำงาน ลูกค้า หรือสิ่งอื่นๆ ดังนั้นแล้วการเลือก CRM จึงต้องคำนึงถึงธุรกิจเราเป็นหลัก ว่าฟีเจอร์ที่จะใช้งานตอบโจทย์กับการทำงานเรารึเปล่า แล้วนอกจากนั้นก็ต้องคำนึงถึงกรณีที่เมื่อธุรกิจเราโตขึ้นนั้น CRM ที่เราเลือกก็ต้องมีฟีเจอร์ที่รอบรับการเติบโตเราได้ด้วย

และอีกกรณีที่สำคัญมากๆคือ Software CRM ในตลาดส่วนใหญ่มักจะเน้นการใส่ฟีเจอร์มาเยอะๆ ซึ่งดูเผินๆเหมือนจะดีถูกไหมครับ แต่หากพิจารณากันจริงๆแล้วเราอาจจะใช้เพียงไม่กี่ฟีเจอร์เอง ดังนั้นแล้วจะจ่ายเพื่อฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้ไปทำไมครับ

3. ขอดูเดโมก่อนที่จะซื้อจริง

แน่นอนว่าก่อนที่เราจะลงทุนกับระบบอะไรสักอย่างก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น ERP, โปรแกรมบริหารงานขาย, โปรแกรมบัญชี สำหรับระบบ CRM นั้นก็เหมือนกันครับ สิ่งที่เราต้องทำก็คือการเดโมดูก่อน เพราะถ้าหากเราไม่ทำแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องเสียเงินลงทุนไปกับระบบที่ไม่มีคนใช้แบบฟรีๆเลยก็ได้ครับ หลักสำคัญเลยคือเรื่องของความง่ายในการใช้งาน การจะนำระบบใหม่เข้ามาใช้ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีคนใช้งานก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ

4. สามารถ customize ได้ไหม

โปรแกรม CRM นั้นจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่หากไม่มีการปรับให้เข้ากับความต้องการในการใช้งาน ซึ่งในเรื่องของการ customization ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องพิจารณา และต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าราคาสำหรับการปรับโปรแกรม หรือเพิ่มเติมเหมาะสมกับราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่ โปรแกรม CRM ที่ดีนั้นต้องตอบโจทย์ในเรื่องการบริหารทีมขาย และช่วยในเรื่องการดูแลลูกค้า และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมระบบที่ง่ายต่อการคอนฟิคจึงเป็นสิ่งจำเป็น

5. มีการจัดเทรนนิ่งให้ไหม

ถ้าเกิดคนในทีมของคุณไม่สามารถใช้งาน CRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วล่ะก็ การนำเอาระบบ CRM มาใช้กลับจะทำให้งานในทีมของคุณยุ่งยากกว่าเดิม ดังนั้นแล้วโปรแกรม CRM ที่ดีนอกจากจะมีหน้าจอการใช้งานที่เข้าใจได้ง่ายแล้ว การที่มีการเทรนนิ่งให้กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะช่วยให้ทีมของคุณเข้าใจในฟีเจอร์การใช้งานแล้ว ยังทำให้คุณเข้าใจถึงระบวนการขายที่ระบบเข้ามาช่วยเติมเต็มอีกด้วย

6.Mobile native

ดูว่าโปรแกรม CRM ที่คุณจะใช้นั้นถูกพัฒนาเพื่อการใช้งานบนมือถือเป็นหลักหรือไม่ เหตุผลที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพราะว่าในปัจจุบันแล้วนั้น พบว่าคนเราใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ และโลกในยุคนี้ก็เรียกได้ว่าขับเคลื่อนบนระบบโมบายแบบเต็มรุปแบบ เพราะฉะนั้นแล้ว โปรแกรม CRM ที่ถูกพัฒนาให้แบบ Mobile native จะทำให้คุรมีประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ไม่เหมือนกับโปรแกรมที่ถูกพัฒนาบน web based แล้วมีการทำ mobile ทีหลังซึ่งมักจะเป็นการเอาฟีเจอร์ มาวางบนโมบาย โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของความน่าใช้งานครับ

ต้องเลือก crm ที่ใส่ใจ

7. ใส่ใจในเรื่อง User Experience

นอกจากข้ออื่นๆที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการใช้ CRM สักระบบนั้นคือคุณรู้สึกแฮปปี้กับมันไหมในยามใช้งาน วิธีง่ายๆในการดูก็คือลองให้บริษัทที่ขาย CRM ลองทำ task ที่คุณอาจจะต้องใช้งานบ่อยๆให้คุณดู ว่ามีความซับซ้อนใช้งานยากมากน้อยแค่ไหน ตำแหน่งการวางปุ่ม สีสันในโปรแกรมเป็นอย่างไร หลังจากนั้นลองถามตัวเองดูว่าถ้าฉันต้องใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ ชั้นจะชอบ User Interface มันไหม แล้วคนในทีมจะรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องใช้มันดู

คุณอาจจะมีคำถามในใจว่าแล้ว User Experience นี้มันสำคัญแค่ไหนล่ะ เราเลือกแค่ราคาถูกสุดไม่ดีกว่าเหรอ จากการพบลูกค้าและดูจากรายงานจำนวนมาก User Experience เป็นอะไรที่สำคญสุดๆเลยครับ เพราะมันจะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่าคุณจะสามารถนำโปรแกรม CRM เข้ามาใช้งานได้สำเร็จหรือไม่ครับ

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog www.veniocrm.com/blog 
Facebook www.facebook.com/veniocrm
Twitter:  www.twitter.com/veniocrm
Youtube
:  
www.youtube.com/veniocrm


Tags

Cloud vs on-premise, crm, mobile native, user experience


บทความที่คุณอาจสนใจ

>
Success message!
Warning message!
Error message!