กาลเวลาดำเนินไปรวดเร็วเหลือเกิน เผลอแป๊บเดียวพวกเราก็เดินทางผ่านครึ่งปีแรกกันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า ตลอดระยะการเดินทางในช่วงไตรมาส 2 นั้น พวกเราทีม Venio เองก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบกันแบบต่อเนื่อง ว่าแล้วก็มาดูกันเถอะว่า รอบนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ตั้งค่าหน่วยการวัด Sales board / Project board
หลังจากได้มีการเกริ่นไว้ในรอบที่แล้ว รอบนี้เราได้ทำการปรับเปลี่ยนให้ระบบการตั้งค่า Board สามารถเลือกวัดค่าได้ทั้งแบบมีหน่วยและไม่มีหน่วย เพื่อนรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่า Sale Board แบบไม่มีหน่วยวัด จะเป็นวัดค่าออกมาเป็นจำนวนเงิน เพื่อรองรับการทำงานของ Sales เป็นหลัก โดยจะทำให้ดูได้ว่าตอนนี้ขายได้กี่บาทและแต่ละดีลอยู่ในขั้นตอนไหน ส่วน Project Board หากตั้งค่าแบบไม่มีหน่วยวัดก็จะไม่มีการวัดค่าอะไรเลย ทำหน้าที่คล้ายเป็นตัว Project Management เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถสังเกตเห็นแต่ละบอร์ดได้ง่ายขึ้น เราจึงได้มีการเพิ่มฟังก์ชันการกำหนดสีบอร์ดโดยให้ผู้ใช้เลือกสีของแต่ละบอร์ดได้อย่างอิสระ
Link ข้อมูลในดีลได้หลากหลาย
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ส่วนของดีล เราจึงได้ปรับแก้ตัวระบบให้สามารถ Link เข้ากับตัว Task, Conversation, และ Activities ต่างๆ ได้ตามต้องการ นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นว่า ในแต่ละดีลนั้นอาจมีการนัดหมายหลายรายการ เช่น วันจันทร์ไปคุยงานกับทีม A วันอังคารมี Follow Up กับทีม B เป็นต้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกเราจึงตั้งค่าให้สามารถ Link ได้แบบไม่จำกัดจำนวนด้วย
เช็กข้อมูลลูกค้าง่ายขึ้นด้วยแท็บ All Customers
เป็นเมนู Category ที่เราเพิ่มเข้ามาสำหรับกรณีที่ไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เข้ามาเป็นลูกค้าหรือผู้ติดต่อ เพียงพิมพ์คีย์เวิร์ดที่ใช้ในการค้นหา เช่น ชื่อ, เบอร์ติดต่อ, หรืออีเมลลงไปพร้อมกดเลือกแท็บ All Customers ไว้ ระบบก็จะทำการค้นหาข้อมูลที่มีและตรงกับคีย์เวิร์ดนั้นมาให้ เท่านี้ก็สามารถทำการ Recheck รายละเอียดต่างๆ ได้แล้ว
ปรับแต่งสีเพื่อบอกสเตตัสลูกค้า
นอกจากจะมีการเพิ่มการกำหนดสีให้บอร์ดต่างๆ แล้ว ในส่วนของ Deal Stage, Category, และCustomers เองก็มีการเพิ่มในเรื่องตั้งค่าสีเพื่อบอกถึงสเตตัสล่าสุดของลูกค้าแต่ละรายเช่นกัน
เพิ่มสถานะใหม่ให้กับข้อมูลลูกค้า
ในส่วนของสถานะลูกค้านั้น ล่าสุดเราได้ทำการเพิ่มสถานะใหม่เข้ามาคือ Ended กับ Closed โดยนำมาใช้แทนตัว Inactive โดย Ended จะหมายถึงลูกค้าที่ปิดการใช้งานกับเราไปแล้ว แต่ในอนาคตหากเรามีสินค้าตัวใหม่ออกมา ลูกค้ากลุ่มนี้ก็อาจจะกลับมาใช้งานเราอีก ขณะที่ Closed จะหมายถึงลูกค้าที่ปิดกิจการไปแล้ว ไม่ต้องติดต่อไปหาอีกนั่นเอง
อัปเกรดฟีเจอร์ Chat ไปอีกขั้น พร้อมระบุแหล่งที่มา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในยุคนี้การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไปใช้ช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเปิดฟีเจอร์ Chat ขึ้นเพื่อให้บริหารจัดการ Chat ทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งกับ Line, Facebook, และ Instagram เพื่อเข้าสู่ระบบของ Venio ได้ทันที พร้อมระบุโซเชียลที่ลูกค้าใช้ในการเข้าสู่ระบบของเราได้อีกด้วย
สร้าง Lead Form ดีไซน์ใหม่ถูกใจกว่าที่เคย
ในเวอร์ชันเก่าระบบจะมีตัว Field พื้นฐานไว้ให้เลือกเพื่อสร้าง Lead Form อยู่ แต่ในตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือก Customer Custom Field หรือ Field ที่กำหนดเองมาเพื่อสร้าง Lead Form ใหม่ได้
เท่านั้นไม่พอ เรายังมีการอัปเดตดีไซน์ฟอร์มใหม่ให้ดูทันสมัย น่าใช้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ลูกค้าสามารถอัปโหลดรูปสำหรับตกแต่งส่วนบนของฟอร์มได้แบบฟรีสไตล์
กำหนด Expense Limit ได้
สำหรับฟีเจอร์ค่าใช้จ่ายนั้น เราได้ทำการปรับระบบให้สามารถกำหนดวงเงินใช้จ่ายทั้งหมดหรือแต่ละหมวดหมู่ภายในทีมได้ โดยทุกครั้งที่มีการเบิกค่าใช้จ่ายและอนุมัติ ระบบจะทำการแจ้งเตือนสถานะของวงเงินว่าคงเหลือหรือมีค่าใช้จ่ายที่เกินวงเงินไปเท่าไรให้ทราบเสมอ
นอกเหนือจากนี้ ยังได้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของฟีเจอร์อื่นๆ อีกเล็กน้อย เช่น การปรับเพิ่ม Filter ในส่วนของปฏิทินในโทรศัพท์ให้น่าใช้งานมากขึ้น หรือระบบ Mobile Notification ที่ได้ปรับปรุงให้ครอบคลุมและเข้าใจง่ายขึ้น เป็นต้น
สุดท้ายพวกเราทีม Venio ต้องขอขอบคุณทุกคนสำหรับ Feedback ในช่วงที่ผ่านมา ที่ช่วยให้เราได้พัฒนาระบบได้อย่างต่อเนื่อง หวังว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้ Venio กันนะครับ หลังจากนี้ Product Update จะมีการเปลี่ยนไปเป็นปีละ 2 ครั้ง ในระหว่างนั้นมารอพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นไปด้วยกันนะครับ
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog: www.veniocrm.com/blog
Facebook: www.facebook.com/veniocrm
Twitter: www.twitter.com/veniocrm
Youtube: www.youtube.com/veniocrm
