Salesforce vs crm photo
Salesforce คืออะไร? คงเป็นคำถามที่นักขายหรือแม้แต่คนที่ไม่ใช่นักขายมักจะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า Salesforce แล้วเราก็คงพอเดาได้เลยว่ามันต้องเกี่ยวกับการขายแน่ ๆ นักขายหลาย ๆ ท่านโดยเฉพาะคนที่ทำงานในองค์กรต่างชาติ น่าจะอนุมานได้ว่ารู้จัก Salesforce กันเกือบทุกคน แต่ถ้าวันนี้คุณยังไม่เคยได้ยินกับคำนี้มาก่อนเลย ไม่เป็นไรวันนี้ Venio เราเลยจะมาเล่าให้ฟังและให้ทุกคนได้รู้จักกับ Salesforce (เซลล์ฟอร์ซ) ที่จะช่วยเปลี่ยนโลกการขายของคุณ

Salesforce คืออะไร?

salesforce with people using it

เมื่อพูดถึง Salesforce แล้ว หากเราต้องให้คำนิยามก็คงต้องบอกได้ว่า Salesforce คือโปรแกรม CRM แบบที่ทำงานบนระบบคลาวด์ โดยให้บริการในรูปแบบของ SaaS (Software as a service) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ต่างประเทศที่ทุกคนในแวดวงการขายต่างให้การยอมรับว่าดีที่สุดสำหรับการบริหารทีมขาย มีฟีเจอร์ต่าง ๆ ครบถ้วน และผู้ใช้งานมากมายกระจายอยู่ทั่วโลก และก็คงไม่เป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปนักถ้าจะพูดว่า Salesforce เป็นอันดับหนึ่งในโลกเมื่อพูดถึง CRM แถมยังมาพร้อมกับ AI ที่ชื่อว่า Einstein อีกด้วย ทำให้งานขายจากแต่ก่อนที่อาจจะเน้นแค่ฝีมือของนักขายอย่างเดียว แต่ตอนนี้นักขายเองก็จะมีข้อมูลในการขายมากขึ้น ตอบโจทย์ของการทำ data driven ให้กับทีมขาย ทำให้ยกระดับธุรกิจไปได้มากกว่าที่เคยเป็นอยู่


แล้ว Salesforce มีความต่างกับ CRM อย่างไร?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันแบบย่อๆก่อนว่า CRM คืออะไร? CRM ก็คือระบบ Customer relationship management นั่นเอง หรือก็คือระบบที่ช่วยดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า (หากอยากรู้จักกับ CRM มากขึ้น คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมได้เลยที่นี่) ทีนี้หลาย ๆ คนก็มักจะสับสนเพราะ CRM เมื่อพูดถึงนั้นเราก็มักจะนึกไปถึงระบบสมาชิก ระบบเมมเบอร์ต่าง ๆ ที่ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ทำออกมากันมากมาย โดยมากมักจะเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ตัวอย่างก็เช่นการสะสมสแตมป์เมื่อซื้อสินค้าครบเพื่อแลกของรางวัล หรือถ้าเอาแบบใกล้ตัวมาก ๆ ก็เช่นระบบของร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ที่ให้เราสมัครสมาชิก แต่ถ้าเราพูดถึงนิยามแล้ว เจ้าตัว Salesforce ก็ถือเป็น CRM ประเภทหนึ่งนั่นเอง หน้าที่หลักๆเลยก็คือการเกิดมาเพื่อช่วยเรื่องดูแลลูกค้า ซึ่งระบบนี้ก็เน้นไปที่ B2B commerce ที่โดยมากแล้วกว่าจะปิดการขายได้นั้นก็มักจะต้องได้พูดคุยกับหลายฝ่าย ระยะเวลาการขายก็ค่อนข้างนาน ลูกค้าแต่ละรายจึงต้องได้รับการดูแลที่ดีเป็นพิเศษ ข้อมูลต่าง ๆ ก็จะต้องพร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้ติดต่อ การติดตามต่าง ๆ ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงกับความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เกิดขึ้น

รู้จักกับ Salesforce แล้ว ทีนี้ดียังไง?

หากให้กล่าวถึงความสามารถของ Salesforce ที่จะช่วยคุณในการจัดการทีมขายเราอาจจะลิสท์ประโยชน์หลัก ๆ ออกมาเป็นหัวข้อใหญ่ ๆ ได้ประมาณนี้

1.ช่วยจัดการเรื่องความสัมพันธ์ลูกค้า ทำให้คุณรู้ว่าสถานะของ Lead ของลูกค้าแต่ละรายเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งถ้าคุณมีลูกค้าที่ต้องดูแลอยู่เยอะมาก ๆ แล้ว เจ้าตัว Salesforce ก็จะมามีบทบาทมาก ๆ เลยครับในการ manage ข้อมูลต่าง ๆ และที่สำคัญข้อมูลยังเป็นชุดเดียวกันเพราะอยู่บนคลาวด์อีกด้วย ไม่ว่าใครจะมาเปิดดูข้อมูลก็จะรู้ได้เลยว่าลูกค้ารายนี้มีการติดต่ออะไรไว้บ้าง

2.ทำให้นักขายรู้จักการวางแผนงาน นักขายสามารถคิดต่อได้ว่าจะทำยังไงกับลูกค้าที่ยังไม่สามารถปิดการขายได้ Salesforce เองนั้นยังมีในเรื่อง lead scoring ที่จะตีค่าของ lead ออกมาเป็นคะแนนความสนใจ ทำให้สามารถกำหนดและให้ความสำคัญด้วยการอัปเดต action plan ต่าง ๆ ลงในไปป์ไลน์ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.ผู้จัดการฝ่ายขายก็สามารถเห็นการทำงานของคนในทีมได้ ทำให้สามารถเห็น performance การทำงานของแต่ละคนว่ามีการทำงาน ติดตามการขายเป็นอย่างไร สามารถรู้เหตุผลได้เมื่องานขายมีปัญหาว่าเกิดจากสาเหตุใด มีลูกค้ารายไหนไหมที่ตัวเองต้องเข้าไปช่วยเหลือให้กับทางทีมเป็นพิเศษ และยังช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับลูกค้ารายนั้น ๆ ได้อย่างทันถ่วงที ไม่จำเป็นต้องรอรอบของการประชุมทีมขาย

4.มาพร้อมกับ AI ช่วยให้คุณวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้น ตัว Salesforce เองนั้นก็มาพร้อมกับ AI สำหรับช่วยงานขายที่เรียกว่า Einstein และในปัจจุบันที่กระแสของ generative AI กำลังมาแรง เจ้าตัว Einstein ก็มีการพัฒนามากขึ้นได้เปิดตัวใหม่เป็น Einstein GPI ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือการทำงานของพนักงานโดยตรง ซึ่งตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งของ Salesforce ที่ล้ำมาก ๆ เหนือระบบอื่น ๆ

5.ที่สำคัญช่วยให้เซลล์มีเวลามากขึ้น จากแต่ก่อนการติดตามลูกค้า การทำรายงานยอดขาย ต้องใช้การกรอก Excel ทำมือแบบ manual ทำ pivot table ไปมาหลายตารางกว่าจะสรุปยอดแต่ละเดือนได้ บางรายก็แย่กว่านั้นเพราะอาจจะไม่ได้ทำด้วย Excel แต่วิธีจดบันทึกร่วมกับความจำของตัวเอง ด้วยการมาของ Salesforce ที่ทุกอย่างทำได้บน platform ก็ทำให้งานขายก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่นักขายมุ่งเน้นที่การขายอย่างเป็นระบบได้

แล้วแบบนี้ Salesforce มีข้อเสียไหม?

หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้เชื่อได้เลยว่าผู้อ่านคงเริ่มอยากจะใช้งาน Salesforce มาใช้บริหารทีมขายกันแล้วอย่างแน่นอน เรามาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง เนื่องจาก Salesforce เป็นซอฟต์แวร์ต่างชาติราคาจึงค่อนข้างแพงมาก เรียกได้ว่าหากเป็นบริษัทขนาดเล็ก ๆ กลาง ๆ การจะเอา Salesforce มาใช้งาน เมื่อคิดถึง ROI ที่ได้มาก็คงจะไม่คุ้มสักเท่าไรนัก นอกจากนี้ตัว platform นี้เองนั้นก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ยิ่งถ้านักขายเราไม่ได้เก่งมากเท่าไร แทนที่จ่ายไปแพง ๆ แล้วจะใช้ประโยชน์ได้เต็มร้อย อาจจะเหลือแค่หลักสิบและไม่ได้ช่วยงานขายได้อย่างที่คิด

Venio พอสู้ Salesforce ได้ไหม?

Venio on left side and salesforce on right side

อาจจะต้องเรียนให้ผู้อ่านทุกท่านทราบตามตรงว่าถ้าดูแต่ฟีเจอร์โดยรวม Venio เราย่อมสู้ไม่ได้แน่นอนเพราะ Salesforce เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรม CRM อันดับหนึ่งของโลกนี้แล้ว และยังมีงบในการลงทุนพัฒนาที่มากสุด ๆ แต่สิ่งที่ทาง Venio อยากจะบอกกับผู้อ่านทุกท่านคือเราเกิดมาบนแนวคิดที่อยากจะช่วยให้ทีมขายทำงานได้ง่ายขึ้น อยากจะให้เป็นระบบที่นักขายทุกคนใช้งานใช้ประโยชน์จากเราได้จริง เราจึงเน้นในเรื่องการใช้งานง่ายเป็นหลัก พยายามให้มี learning curve ในการใช้งานน้อยที่สุด และยังเน้นการพัฒนาบนระบบมือถือที่เราลงทุนแยกพัฒนาในแต่ละ platform แบบ native แยกทั้ง Android และ iOS เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ถ้า Salesforce เป็นอันดับหนึ่งของโลก เราก็ตั้งใจอยากให้ Venio เราเป็นอันดับหนึ่งในไทย ด้วยราคาที่ผู้ใช้งานทุกท่านสามารถเข้าถึงได้ และตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะที่ธุรกิจไทยเจอกันกับการบริหารทีมขาย ก็หวังว่าหากผู้อ่านสนใจในระบบ CRM ก็อย่าลืมให้โอกาสเราได้ดูแลรับใช้ด้วยนะครับ


หากสนใจทดลองใช้ Venio ฟรี 14 วันได้ทันที่ เพียงลงทะเบียนผ่านลิงก์

ติดตามเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog www.veniocrm.com/blog 
Facebook www.facebook.com/veniocrm
Twitter:  www.twitter.com/veniocrm
Youtube
:  
www.youtube.com/veniocrm


Tags

crm, salesforce, salesforce crm


บทความที่คุณอาจสนใจ

>
Success message!
Warning message!
Error message!